เนสท์เล่รับมือวิกฤตโกโก้ราคาพุ่ง! ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อซัพพลายในแอฟริกาตะวันตก

**เนสท์เล่เผชิญวิกฤตราคาโกโก้พุ่งสูง: การปรับตัวเพื่อความยั่งยืนในยุคที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง**

อุตสาหกรรมช็อกโกแลตทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ นั่นคือราคาโกโก้ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์นี้มีสาเหตุหลักมาจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่ส่งผลกระทบต่อแหล่งผลิตโกโก้ที่สำคัญในแอฟริกาตะวันตก โดยเฉพาะในประเทศกานาและไอวอรี่โคสต์ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตโกโก้รายใหญ่ของโลก

บริษัทเนสท์เล่ (Nestlé) หนึ่งในผู้ผลิตช็อกโกแลตรายใหญ่ที่สุดของโลก กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์นี้โดยตรง และพยายามปรับตัวเพื่อรักษาความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานโกโก้ในระยะยาว

**สาเหตุของวิกฤตราคาโกโก้**

* **การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ:** สภาพอากาศที่แปรปรวน ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง ฝนตกหนักผิดปกติ หรือการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ส่งผลกระทบต่อผลผลิตโกโก้ ทำให้ผลผลิตลดลงอย่างมาก
* **โรคระบาดในต้นโกโก้:** โรคระบาดต่างๆ เช่น โรคฝักดำ (Black Pod Disease) และโรคไวรัส Shoot Swelling Virus (CSSV) ได้แพร่ระบาดในพื้นที่เพาะปลูก ทำให้ต้นโกโก้เสียหายและผลผลิตลดลง
* **อายุของต้นโกโก้:** ต้นโกโก้ส่วนใหญ่ในแอฟริกาตะวันตกมีอายุมาก ทำให้ผลผลิตลดลงตามธรรมชาติ
* **ปัญหาด้านแรงงาน:** แรงงานในภาคการเกษตรโกโก้ส่วนใหญ่ยังคงได้รับค่าตอบแทนต่ำ และเผชิญกับสภาพการทำงานที่ยากลำบาก ทำให้แรงงานรุ่นใหม่ไม่สนใจที่จะเข้ามาทำงานในภาคส่วนนี้

**การปรับตัวของเนสท์เล่เพื่อรับมือกับวิกฤต**

เนสท์เล่ได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาและสร้างความยั่งยืนให้กับห่วงโซ่อุปทานโกโก้ ดังนี้:

1. **โครงการ Nestlé Cocoa Plan:** โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้ปลูกโกโก้ และส่งเสริมการทำเกษตรอย่างยั่งยืน โดยเน้นการฝึกอบรมเกษตรกรให้มีความรู้ความเข้าใจในการเพาะปลูกที่ถูกต้อง การจัดการศัตรูพืชและโรคระบาด การใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
2. **การลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา:** เนสท์เล่ได้ลงทุนในงานวิจัยและพัฒนาเพื่อปรับปรุงพันธุ์โกโก้ให้มีความต้านทานต่อโรคและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคนิคการเพาะปลูกใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มผลผลิตและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
3. **การจ่ายค่าตอบแทนที่เป็นธรรมแก่เกษตรกร:** เนสท์เล่ให้ความสำคัญกับการจ่ายค่าตอบแทนที่เป็นธรรมแก่เกษตรกร เพื่อให้พวกเขามีรายได้ที่มั่นคงและสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในการขายผลผลิต
4. **การส่งเสริมการปลูกพืชร่วม:** เนสท์เล่ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชร่วม (Agroforestry) ซึ่งเป็นการปลูกต้นโกโก้ร่วมกับพืชชนิดอื่นๆ เช่น ต้นไม้ผลและพืชผัก วิธีนี้ช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ปรับปรุงคุณภาพดิน และสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกร
5. **การใช้เทคโนโลยี:** เนสท์เล่ใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานโกโก้ เช่น การใช้ระบบติดตาม (Traceability) เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของโกโก้ และการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดและวางแผนการผลิต

**ผลกระทบต่อผู้บริโภค**

ราคาโกโก้ที่พุ่งสูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในที่สุด โดยอาจทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เนสท์เล่พยายามที่จะลดผลกระทบนี้ให้น้อยที่สุด โดยการปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตและบริหารจัดการต้นทุน

**บทสรุป**

วิกฤตราคาโกโก้เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมช็อกโกแลต แต่เนสท์เล่กำลังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปรับตัวและสร้างความยั่งยืนให้กับห่วงโซ่อุปทานโกโก้ การลงทุนในโครงการต่างๆ การวิจัยและพัฒนา การจ่ายค่าตอบแทนที่เป็นธรรมแก่เกษตรกร และการใช้เทคโนโลยี จะช่วยให้เนสท์เล่สามารถรับมือกับวิกฤตนี้และรักษาความมั่นคงของธุรกิจในระยะยาว

**แหล่งข้อมูล:**

* FoodNavigator: [https://www.foodnavigator.com/Article/2025/09/23/how-nestle-is-surviving-the-cocoa-crisis/?utm_source=RSS_Feed&utm_medium=RSS&utm_campaign=RSS](https://www.foodnavigator.com/Article/2025/09/23/how-nestle-is-surviving-the-cocoa-crisis/?utm_source=RSS_Feed&utm_medium=RSS&utm_campaign=RSS)

#โปรแกรมร้านอาหาร #posร้านอาหาร #ระบบร้านอาหาร

**Content Output**

X