**สหภาพยุโรปประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ อีกครั้ง**
สหภาพยุโรป (EU) ได้ประกาศกลับมาใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง โดยพุ่งเป้าไปที่สินค้าอย่างเช่น เหล้าเบอร์เบิน, น้ำส้ม, และเนยถั่ว การกลับมาใช้มาตรการภาษีครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากข้อพิพาททางการค้าที่ยังคงยืดเยื้อระหว่างสองฝ่าย และ EU ยังส่งสัญญาณเตือนว่าอาจมีการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมกับสินค้าอาหารอื่นๆ ในช่วงกลางเดือนเมษายนนี้
ตามรายงานของ Food Dive (https://www.fooddive.com/news/eu-steel-aluminum-tariff-response-trump/742305/) มาตรการภาษีนำเข้าครั้งนี้เป็นการรื้อฟื้นมาตรการเดิมที่เคยบังคับใช้ในปี 2018 ซึ่งเป็นการตอบโต้มาตรการของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจาก EU แม้ว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะได้พยายามเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้ากับ EU แต่ความตึงเครียดยังคงอยู่ และการกลับมาใช้มาตรการภาษีนำเข้าสินค้าของ EU ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากในการหาข้อตกลงร่วมกัน
การเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตและผู้บริโภคทั้งสองฝั่ง ผู้ผลิตสินค้าในสหรัฐฯ อาจต้องเผชิญกับยอดขายที่ลดลงในตลาด EU เนื่องจากราคาสินค้าที่สูงขึ้นจากภาษี ส่วนผู้บริโภคใน EU ก็อาจต้องจ่ายเงินซื้อสินค้าในราคาที่แพงขึ้นเช่นกัน
สำหรับธุรกิจร้านอาหารใน EU การขึ้นภาษีนำเข้าน้ำส้มและเนยถั่วอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบ ร้านอาหารที่ใช้น้ำส้มคั้นสดหรือเนยถั่วเป็นส่วนประกอบในเมนูอาหารอาจต้องปรับราคาขายเพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น หรืออาจต้องมองหาวัตถุดิบทดแทนจากแหล่งอื่น ซึ่งอาจส่งผลต่อรสชาติและคุณภาพของอาหาร
ในทางกลับกัน ผู้ผลิตสินค้าใน EU อาจได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้ เนื่องจากสินค้าของพวกเขาจะมีราคาที่แข่งขันได้มากขึ้นในตลาด อย่างไรก็ตาม หากข้อพิพาททางการคายืดเยื้อและบานปลายออกไป อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของทั้งสองฝ่ายในระยะยาว
การติดตามสถานการณ์และการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร การใช้เทคโนโลยีเช่น ระบบจัดการร้านอาหาร หรือระบบ POS สามารถช่วยในการบริหารจัดการต้นทุน ควบคุมสต็อกสินค้า และวิเคราะห์ยอดขาย เพื่อให้ธุรกิจสามารถปรับตัวและรับมือกับความผันผวนของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
#โปรแกรมร้านอาหาร #ระบบposร้านอาหาร #ระบบจัดการร้านอาหาร