## กฎหมายใหม่ในเท็กซัสสร้างความสับสนให้ผู้บริโภคและธุรกิจอาหารด้วยฉลากเตือนส่วนผสมอาหาร

รัฐเท็กซัสได้ผ่านกฎหมายใหม่ HB 479 ที่กำหนดให้ร้านอาหารต้องติดฉลากเตือนบนเมนูอาหาร หากอาหารนั้นมีส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้รุนแรง กฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องผู้บริโภคที่มีอาการแพ้อาหาร อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอาหารกังวลว่ากฎหมายนี้อาจสร้างความสับสนให้กับทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ เนื่องจากความคลุมเครือในรายละเอียดและขอบเขตของการบังคับใช้

กฎหมาย HB 479 กำหนดให้ร้านอาหารต้องระบุส่วนผสมที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ที่พบบ่อย 10 ชนิด ได้แก่ นม, ไข่, ปลา, สัตว์น้ำที่มีเปลือกแข็ง, ถั่วต้นไม้, ถั่วลิสง, ข้าวสาลี, ถั่วเหลือง, งา และกลูเตน โดยต้องแสดงคำเตือนอย่างชัดเจนบนเมนูอาหาร หรือแสดงไว้ในบริเวณที่ลูกค้าสามารถมองเห็นได้ง่าย เช่น ป้ายประกาศ หรือ QR code ที่เชื่อมโยงไปยังข้อมูลส่วนผสม

แม้ว่าเจตนาของกฎหมายนี้คือการเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค แต่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอาหารมองว่ากฎหมายนี้ยังมีช่องโหว่และอาจนำไปสู่ความสับสนได้ ตัวอย่างเช่น กฎหมายกำหนดให้มีการเปิดเผยส่วนผสมจากธรรมชาติบางชนิดที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคสับสนว่าส่วนผสมเหล่านั้นเป็นอันตราย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคส่วนใหญ่ นอกจากนี้ ความกำกวมในคำนิยามของ “ส่วนผสมที่ก่อให้เกิดอาการแพ้” อาจทำให้ผู้ประกอบการตีความและปฏิบัติตามกฎหมายได้ยาก

อีกประเด็นหนึ่งที่น่ากังวลคือ ภาระในการปฏิบัติตามกฎหมายนี้ ร้านอาหารจะต้องตรวจสอบส่วนผสมของอาหารทุกเมนูอย่างละเอียด และปรับปรุงเมนูให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ซึ่งอาจเป็นภาระที่หนักหน่วงสำหรับร้านอาหารขนาดเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

ความท้าทายอีกประการหนึ่งคือ การบังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานที่รับผิดชอบในการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายนี้ จะต้องมีทรัพยากรและบุคลากรที่เพียงพอ เพื่อให้แน่ใจว่าร้านอาหารทุกแห่งปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

อย่างไรก็ตาม กฎหมายนี้ก็มีข้อดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้บริโภคที่มีอาการแพ้อาหาร การมีฉลากเตือนที่ชัดเจนจะช่วยให้พวกเขาเลือกอาหารได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น และลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้ นอกจากนี้ กฎหมายนี้อาจกระตุ้นให้ร้านอาหารให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้านอาหารมากขึ้น และพัฒนาขั้นตอนการจัดการส่วนผสมอาหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในระยะยาว ความสำเร็จของกฎหมายนี้ขึ้นอยู่กับความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ผู้ประกอบการร้านอาหาร และผู้บริโภค ภาครัฐควรให้ความรู้และคำแนะนำที่ชัดเจนแก่ผู้ประกอบการ รวมถึงจัดสรรทรัพยากรที่เพียงพอสำหรับการบังคับใช้กฎหมาย ส่วนผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎหมาย และสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสมอาหารให้กับลูกค้าอย่างชัดเจน ส่วนผู้บริโภคควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอาการแพ้อาหาร และสอบถามข้อมูลจากร้านอาหารก่อนสั่งอาหาร

ที่มา: https://www.fooddive.com/news/texas-law-food-warning-label-ingredients-additives/751496/

#ระบบposร้านอาหาร #โปรแกรมร้านอาหาร #ระบบร้านอาหาร

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *