**เงินเฟ้อพลิกโฉมพฤติกรรมผู้บริโภค: แบรนด์จะปรับตัวอย่างไรในปี 2568**
ภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างมาก การปรับตัวของผู้บริโภคต่อภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้นนี้กำลังพลิกโฉมพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย บทความนี้จะวิเคราะห์ถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ โดยอ้างอิงข้อมูลจาก Food Dive และนำเสนอแนวทางที่แบรนด์ต่างๆ ควรนำไปปรับใช้เพื่อรักษาความเกี่ยวข้องและยอดขายในปี 2568
**พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป**
จากรายงานของ Food Dive พบว่า ผู้บริโภคยุคเงินเฟ้อให้ความสำคัญกับ “ความคุ้มค่า” มากขึ้น พวกเขาไม่ได้มองหาแค่สินค้าราคาถูกที่สุดเสมอไป แต่คำนึงถึงคุณภาพและปริมาณที่ได้รับควบคู่กันไปด้วย กลยุทธ์การลดปริมาณสินค้าแต่คงราคาเดิม (Shrinkflation) อาจไม่ได้ผลในระยะยาว เพราะผู้บริโภคเริ่มตระหนักและเปรียบเทียบราคาต่อหน่วยมากขึ้น
นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังมีแนวโน้มที่จะ:
* **วางแผนการซื้ออย่างรัดกุม:** การจัดทำรายการซื้อของและการตรวจสอบโปรโมชั่นต่างๆ กลายเป็นเรื่องปกติ ผู้บริโภคใช้เวลาศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบราคามากขึ้นก่อนตัดสินใจซื้อ
* **มองหาสินค้าทดแทน:** ผู้บริโภคเปิดรับการลองสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ หรือสินค้าประเภทเดียวกันในราคาที่ประหยัดกว่า ความภักดีต่อแบรนด์ลดลง
* **ลดความถี่ในการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย:** สินค้าที่ไม่จำเป็น เช่น ขนมขบเคี้ยว ของหวาน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มักถูกตัดออกจากรายการซื้อของ
* **ให้ความสำคัญกับประสบการณ์การซื้อ:** แม้จะให้ความสำคัญกับราคา แต่ผู้บริโภคยังคงคาดหวังประสบการณ์การซื้อที่ดี เช่น การบริการที่รวดเร็วและเป็นมิตร ความสะดวกสบายในการซื้อสินค้า และช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย
**แบรนด์ควรปรับตัวอย่างไร**
เพื่อให้สามารถแข่งขันและเติบโตได้ในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจเช่นนี้ แบรนด์ต่างๆ จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยสามารถทำได้ดังนี้:
* **เน้นย้ำคุณค่าของสินค้าและบริการ:** สื่อสารให้ชัดเจนว่าสินค้าหรือบริการนั้นคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย เช่น คุณภาพที่เหนือกว่า ส่วนผสมที่ดีต่อสุขภาพ หรือบริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม
* **สร้างความโปร่งใสด้านราคา:** แสดงราคาต่อหน่วยอย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคเปรียบเทียบราคาได้ง่าย หลีกเลี่ยงกลยุทธ์ Shrinkflation ที่อาจทำให้สูญเสียความเชื่อมั่นของลูกค้า
* **นำเสนอโปรโมชั่นและส่วนลดที่น่าสนใจ:** ดึงดูดลูกค้าด้วยโปรโมชั่นที่ตรงใจ เช่น ส่วนลด ของแถม หรือโปรแกรมสะสมแต้ม
* **สร้างประสบการณ์การซื้อที่ดี:** พัฒนาช่องทางการขายให้มีความสะดวกสบาย เช่น การสั่งซื้อออนไลน์ การจัดส่งถึงบ้าน และการชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการฝึกอบรมพนักงานให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ
* **ลงทุนในเทคโนโลยี:** การนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น ระบบ POS ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการร้านค้า วิเคราะห์ข้อมูลการขาย และเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การปรับกลยุทธ์ทางการตลาดที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความอยู่รอดของแบรนด์ในยุคเงินเฟ้อ แบรนด์ที่สามารถสร้างความคุ้มค่าและมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า จะเป็นแบรนด์ที่สามารถครองใจผู้บริโภคและประสบความสำเร็จในระยะยาว
ที่มา:
Food Dive. The changing habits of value-driven shoppers.
#เครื่องแคชเชียร์ #โปรแกรมร้านอาหาร #ระบบPOSร้านอาหาร