## EU ปรับปรุงกฎหมาย EUDR ให้ใช้งานง่ายขึ้นก่อนบังคับใช้จริง
เหลือเวลาไม่ถึงปี ก่อนที่กฎหมายว่าด้วยการตัดไม้ทำลายป่า (EUDR: EU Deforestation Regulation) จะมีผลบังคับใช้ สหภาพยุโรปได้ทำการปรับปรุงกฎหมายฉบับนี้ให้มีความเรียบง่ายขึ้น เพื่อช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถปฏิบัติตามได้ง่ายขึ้น ตามรายงานจาก Food Navigator [1]
EUDR เป็นกฎหมายที่มุ่งหมายป้องกันการตัดไม้ทำลายป่าและการทำลายระบบนิเวศ โดยกำหนดให้บริษัทต่างๆ ที่ต้องการนำเข้าสินค้าเกษตรบางชนิดเข้าสู่ตลาด EU ต้องแสดงหลักฐานว่าสินค้าเหล่านั้นไม่ได้มาจากการตัดไม้ทำลายป่า สินค้าที่อยู่ในขอบเขตของกฎหมายนี้ครอบคลุมสินค้าหลากหลายประเภท เช่น เนื้อวัว, น้ำมันปาล์ม, ถั่วเหลือง, กาแฟ, โกโก้, ไม้ และยางพารา รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากสินค้าเหล่านี้ เช่น เฟอร์นิเจอร์, ช็อกโกแลต, และกระดาษ
เดิมที EUDR มีความซับซ้อนและสร้างความกังวลให้กับธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่อาจมีทรัพยากรจำกัดในการปฏิบัติตามข้อกำหนด การปรับปรุงกฎหมายครั้งนี้จึงมุ่งเน้นไปที่การลดความซับซ้อนและภาระของธุรกิจ โดยมีการปรับปรุงในด้านต่างๆ ดังนี้
* **การแบ่งกลุ่มประเทศตามระดับความเสี่ยง:** EU ได้แบ่งประเทศต่างๆ ออกเป็น 3 กลุ่มตามระดับความเสี่ยงของการตัดไม้ทำลายป่า ได้แก่ ประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ, ความเสี่ยงมาตรฐาน และความเสี่ยงสูง การแบ่งกลุ่มนี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถประเมินความเสี่ยงและวางแผนการปฏิบัติตามกฎหมายได้ง่ายขึ้น
* **การใช้ระบบเบนช์มาร์ก:** EU ได้พัฒนาระบบเบนช์มาร์กเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถประเมินความเสี่ยงของพื้นที่ผลิตสินค้าได้ ระบบนี้จะรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น ภาพถ่ายดาวเทียมและข้อมูลจากภาคประชาสังคม เพื่อช่วยให้ธุรกิจเข้าใจถึงสถานการณ์การตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ต่างๆ
* **การให้คำแนะนำและการสนับสนุน:** EU ได้จัดทำคู่มือและเครื่องมือต่างๆ เพื่อช่วยให้ธุรกิจเข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงการจัดฝึกอบรมและการให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจต่างๆ
การปรับปรุง EUDR ครั้งนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากภาคธุรกิจ โดยหลายฝ่ายมองว่าจะช่วยลดภาระและความซับซ้อนในการปฏิบัติตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ยังมีเสียงเรียกร้องให้ EU ให้การสนับสนุนเพิ่มเติมแก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อให้สามารถปรับตัวและปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การบังคับใช้กฎหมาย EUDR จะเป็นก้าวสำคัญในการต่อสู้กับการตัดไม้ทำลายป่าและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยจะช่วยส่งเสริมการค้าที่ยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม แม้ว่าจะมีความท้าทายในการปฏิบัติตาม แต่การปรับปรุงกฎหมายครั้งนี้จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเตรียมความพร้อมและปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ #ระบบposร้านอาหาร #โปรแกรมร้านอาหาร และ #ระบบจัดการร้านอาหาร ที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามและจัดการข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการปฏิบัติตามกฎหมาย EUDR.
[1] https://www.foodnavigator.com/Article/2025/04/17/eudr-simplified-by-eu-commission/?utm_source=RSS_Feed&utm_medium=RSS&utm_campaign=RSS