## การเลื่อนบังคับใช้ EUDR: แรงกดดันทางการเมืองหรือความพร้อมของภาคอุตสาหกรรม?
การตัดสินใจของคณะกรรมาธิการยุโรปในการเลื่อนการบังคับใช้กฎระเบียบว่าด้วยผลิตภัณฑ์ปลอดการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR) ได้จุดประกายให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางถึงสาเหตุเบื้องหลังการตัดสินใจดังกล่าว แรงกดดันทางการเมืองหรือความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมกันแน่ที่เป็นปัจจัยหลัก? องค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) และบริษัทที่ปรึกษาด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบชี้ให้เห็นถึงอิทธิพลของกลุ่มขวาจัด (far-right influence) ในขณะที่พรรคประชาชนยุโรป (EPP) ผลักดันให้มีการปรับปรุงกฎหมายให้ง่ายขึ้น
**EUDR คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ?**
กฎระเบียบ EUDR มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่าเข้าสู่ตลาดสหภาพยุโรป โดยครอบคลุมสินค้าโภคภัณฑ์หลัก เช่น โคโก้ กาแฟ ปาล์มน้ำมัน ถั่วเหลือง ไม้ และเนื้อวัว หากบริษัทใดต้องการนำเข้าหรือส่งออกสินค้าเหล่านี้ไปยังสหภาพยุโรป จะต้องพิสูจน์ได้ว่าสินค้าของตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่าหลังจากวันที่ 31 ธันวาคม 2020 กฎระเบียบนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ และการส่งเสริมการผลิตสินค้าอย่างยั่งยืน
**เบื้องหลังการเลื่อนบังคับใช้ EUDR**
เดิมทีกำหนดให้ EUDR มีผลบังคับใช้ในเดือนธันวาคม 2024 แต่คณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศเลื่อนออกไป โดยอ้างถึงปัญหาทางเทคนิคในการพัฒนาระบบข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการตรวจสอบย้อนกลับ (traceability) ของสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจดังกล่าวได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจาก NGOs และผู้สนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งมองว่าเป็นการยอมจำนนต่อแรงกดดันทางการเมืองจากกลุ่มที่ต่อต้านกฎระเบียบที่เข้มงวด
**แรงกดดันทางการเมืองและอิทธิพลของกลุ่มขวาจัด**
NGOs หลายแห่งชี้ให้เห็นว่า การเลื่อนบังคับใช้ EUDR เกิดขึ้นหลังจากที่กลุ่มขวาจัดในยุโรปได้รับคะแนนเสียงมากขึ้นในการเลือกตั้งรัฐสภายุโรปเมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มเหล่านี้มักจะต่อต้านกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด โดยอ้างว่าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและเกษตรกรของตน นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวอ้างว่าพรรค EPP ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่มีอิทธิพลในยุโรป ได้ผลักดันให้มีการปรับปรุงกฎหมาย EUDR ให้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจทำให้กฎระเบียบอ่อนแอลง
**ความพร้อมของภาคอุตสาหกรรม**
อีกประเด็นหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ ความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ EUDR บริษัทหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) อาจประสบปัญหาในการรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการตรวจสอบย้อนกลับของสินค้าโภคภัณฑ์ และอาจต้องใช้เวลาและทรัพยากรเพิ่มเติมในการปรับตัวให้เข้ากับกฎระเบียบใหม่
**ความท้าทายและความคาดหวังในอนาคต**
การเลื่อนบังคับใช้ EUDR ถือเป็นความท้าทายต่อความมุ่งมั่นของสหภาพยุโรปในการต่อสู้กับการตัดไม้ทำลายป่า อย่างไรก็ตาม ยังมีความคาดหวังว่าคณะกรรมาธิการยุโรปจะใช้ช่วงเวลาที่เลื่อนออกไปนี้ในการพัฒนาระบบข้อมูลที่แข็งแกร่งและโปร่งใส และเพื่อให้การสนับสนุนแก่ภาคอุตสาหกรรมในการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังมีความจำเป็นที่ NGOs และผู้สนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อมจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของ EUDR และเพื่อกดดันให้รัฐบาลและบริษัทต่างๆ ให้ดำเนินการอย่างจริงจังในการปกป้องป่าไม้และการส่งเสริมการผลิตสินค้าอย่างยั่งยืน
**สรุป**
การเลื่อนบังคับใช้ EUDR เป็นเรื่องที่ซับซ้อนซึ่งเกี่ยวข้องกับแรงกดดันทางการเมือง ความพร้อมของภาคอุตสาหกรรม และความท้าทายทางเทคนิค การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการปกป้องป่าไม้และการส่งเสริมการผลิตสินค้าอย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง
**แหล่งข้อมูล:**
* Food Navigator: [https://www.foodnavigator.com/Article/2025/09/30/are-it-problems-really-to-blame-for-eudr-delay/?utm_source=RSS_Feed&utm_medium=RSS&utm_campaign=RSS](https://www.foodnavigator.com/Article/2025/09/30/are-it-problems-really-to-blame-for-eudr-delay/?utm_source=RSS_Feed&utm_medium=RSS&utm_campaign=RSS)
#ระบบร้านอาหาร #โปรแกรมร้านอาหาร #ระบบposร้านอาหาร
Content Output
